
อีกหนึ่งผู้แสดงมากความสามารถอย่าง ต้อม พลวัฒน์ มนูดีที่สุด เรียนจบระดับ มัธยมศึกษาที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ระดับปริญญาตรีจากคณะนิเทศศาสตร์จาก มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เริ่มไปสู่วงการบันเทิงโดยได้รับการติดต่อจากบริษัท ซีดี โมเดลลิ่ง กับการถ่ายทำประชาสัมพันธ์เป๊ปซี่เป็นครั้งแรกต่อด้วยงานประชาสัมพันธ์ทางโทรทัศน์กับวารสาร และถ่ายแบบในแมกกาซีนวัยรุ่นต่างๆมากมายตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2526จากการชักชวนของจากสรศักดิ์ จุลมณี บรรณาธิการนิตยสาร “เธอกับฉัน” และ นิตยสาร “เรา”


จนได้รับรางวัลนายแบบที่ได้รับความนิยมรายปี พ.ศ. 2527 จนได้ไปสู่วงการภาพยนตร์ โดยมีผลงานเรื่องแรกในปีพ.ศ. 2528หมายถึงเพียงแต่บอกรักฉันนิดหน่อย ต่อด้วยภาพยนตร์วัยรุ่นตามมาอีกหลายเรื่อง ได้แก่ กว่าใกล้จะถึงวันนั้น(2528), สองโหลยี่สิบห้า (2529), รักฉบับทะเล้น (2531) ฯลฯ เรียกว่าเป็นผู้แสดงนำชายวัยรุ่นยอดนิยมในสมัยนั้นถัดมาก็เลยได้ไปสู่วงการโทรทัศน์โดยส่งผลงานทางละครตามมาหลายเรื่องจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ตัวอย่างเช่น มิติมืด (ช่อง 7),


เมืองดาหลา (ช่อง 7), สุดสายป่าน (ช่อง 5) , สาปพระเพ็ง (ช่อง 3) ฯลฯ และยังส่งผลงานทางละครเวทีเรื่องเลือดขัตติยา เดอะ มิวสิคัล ของบริษัท เอ็กแซ็กท์ กำกับการแสดงโดย ถกลเกียรติ วีรวรรณ (บอย) ผลงานสะดุดตาไลฟ์สไตล์ก็น่าเอามาทำตามเป็นเยี่ยงอย่างเช่นเดียวกัน เป็นอีกหนึ่งไอดอลที่คนยังคงมีภาพจำในหัวเสมอ ไม่นานมานี้เจ้าตัวได้เปิดใจ


เรื่องครอบครัวไว้ว่า ‘ผมรู้สึกว่าในสังคมขณะนี้ก็ค่อนจะหายากเหมือนกันกับครอบครัวที่จะนั่งยอมรับฟังปัญหาของลูกหรือมีเวลาสนทนากับลูก ด้วยเหตุว่าครอบครัวบางครอบครัวพ่อแม่ปฏิบัติงานนอกบ้าน ลูกอาจจะติดเพื่อนฝูงๆยิ่งเป็นวัยรุ่นเดี๋ยวนี้ติดโซเชียลกันมากมาย เมื่อเวลามีปัญหาสิ่งใดก็เลือกที่จะระบายลงโซเชียลให้สังคมทราบมากกว่า อาจเนื่องจากว่าความหวาดกลัวว่าบิดามารดาจะว่ากล่าว


แม้กระนั้นสำหรับผมนะในฐานะที่ผมถ่ายทอดหน้าที่ของคนเป็นบิดาของปืน ลูกเครียดไม่สบายใจ เนื่องจากว่าไปมีสมาคมลึกซึ้งกับเพื่อนพ้องในกรุ๊ป พวกเราเป็นบิดามารดาน่าจะยอมรับฟังเขาครับผม เนื่องจากว่าเขากำลังคิดหาทางออกอยู่ หากเขาไปพลาดทำให้ข้างหญิงเสียหายจวบจนกระทั่งมีท้องเกิดขึ้น และหากเป็นในวัยศึกษาด้วยแล้ว จังหวะที่เขาจะตกลงใจอะไรผิดๆมีมากมาย ครอบครัวสำคัญที่สุดในเรื่องของเวลา ที่คนเป็นบิดามารดาต้องมีให้ลูก เพื่อฟังลูกครับผม’




