
จำกันได้ไหมสาวน้อยเจ้าของเพลงได้รับความนิยมทั่วบ้านทั้งเมืองอย่างเพลง เด็กดอยใจดี สำหรับ น้องมายด์ ปั่นป่วนเมือง ที่ในเวลานี้เติบโตเป็นสาวเต็มกำลังในวัย 26 ปี พร้อมทั้งหน้าที่การเป็นคุณแม่ลูก 1 ที่เก่งแล้วก็สู้ชีวิตมากมาย เพราะเหตุว่าเธอนั้นได้หันไปขายสินค้าตลาดนัด เพื่อหาเลี้ยงลูก แล้วก็ในวันนี้พวกเราก็ได้พาไปอัปเดตชีวิตกับการเป็นคุณแม่ของเธอกันจ้ะถ้าหากย้อนกลับไปสิบกว่าปีก่อน พวกเรามั่นใจว่าวัยรุ่นสมัย 2000 จำเป็นต้องขับร้อง ‘เด็กดอยใจดี’ ตามกันได้อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งผู้ครอบครองเพลงนี้



ก็คือ ‘น้องมายด์’ หรือชื่อจริง ‘มายด์ บุณย์พัชรี’ โดย ‘น้องมายด์’ กำเนิดตอนวันที่ 30 พ.ย. 2539 ส่งผลงานที่เรียกว่าเป็นที่จำเป็น‘เพลงเด็กดอยใจดี’ ก่อนที่จะคุณจะสมรสแล้วก็เลี้ยงลูกเลยไม่เป็นผลงานเพลงออกมาให้ติดตามกันนั่นเอง ซึ่งมองเห็นอย่างนี้คุณแก่เพียง 26 ปีโตเป็นสาวและก็แปลงเป็นคุณแม่ไปแล้วสำหรับ ‘มายด์ บุณย์พัชรี แสงทองวีรกุล’ หรือ ‘น้องมายด์’ เจ้าของเพลงดังทั่วเมือง



‘เด็กดอยใจดี’ เมื่อปี 2549 ที่มีท่อนติดหู “ผมเอาแคร์รอตมาฝาก อยากให้เธอได้กิน ผักมีวิตามิน ไม่ต้องกินของแพง”มั่นใจว่าคนไม่ใช่น้อยยังจำเพลงนี้กันได้ เนื่องจากจนกระทั่งในขณะนี้ยังมีคนไม่ใช่น้อยขับร้องนี้กันอยู่เลย ปัจจุบันนี้เจ้าตัวนั้นหันหลังให้วงการบันแล้ว“พอหนูได้ทำอัลบั้มชุดแรกหนูให้คุณพ่อและก็รวมทั้งคุณแม่ลาออกจากงานเลยให้มาอยู่กับหนู” น้องมายต์ กล่าว ก่อนที่จะและก็ตามด้วยตอนตอนต่อมาที่ทางอาชีพ



ที่กำลังพุ่งขึ้นสูงก็มีอันต้องตกลงภายในช่วงเวลาอันรวดเร็วทันใจ “ความที่เราเข้าวงการมาแม้กระนั้นเด็กและพวกเราขายความเป็นเด็ก ซึ่งจะให้พวกเราไปขายความหวือหวามันไม่ถนัดวิธีขายเพลงขายความเด็กซึ่งมันไม่เป็นที่นิยมเลยหยุดไปพักหนึ่ง” แม้ว่าจะจำต้องเจอปัญหาแบบคาดไม่ถึง แม้กระนั้นในเมื่อได้เป็นคนพูดขอให้บิดามารดาออกจากงาน ‘น้องมายต์’ ก็เลยตกลงใจค้นหาทางชีวิตเส้นใหม่เพื่อทดแทนรายได้ที่หายไปของครอบครัว




“พวกเราไปพบที่ขายสินค้ากับเพื่อนแล้วพบผู้ที่ใจดีต้องการจะให้พวกเรามาขายสินค้ามีความเห็นว่าพวกเราเป็นเด็ก ซึ่งพวกเราก็ไป ซึ่งลูกค้าประจำจำต้องจ่ายทุกเดือนส่วนพวกเราเป็นขาจรก็จะต้องรายวัน ก็คือวันนี้จะถึงที่เหมาะขายตรงไหนโชคดีที่ไปพบพี่คนหนึ่งที่เป็นเจ้าของล็อคอยู่แล้ว ซึ่งคนไหนกันแน่มีห้องที่ไหนจะได้ล็อคภายนอกแล้วเขาเอาล็อคภายนอกให้พวกเราให้พวกเราเสียที่ที่ตรงนั้นของพวกเราไปเองและก็เขาก็ค่าห้องของเขา โดยวันแรกที่เข้าไปขายรองเท้ากับสหายซึ่งพอเพียงเข้าไปทำก็ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่ามากมาย” ถึงแม้ว่าผู้เป็นบิดาเป็นแม่จะมีความรู้สึกกังวลแล้วก็ห่วงในรูปภาพลักษณ์ของตัวบุตรสาว เมื่อจำต้องมาเป็นแม่ค้าขายสินค้าร้านแบกะดินอย่างที่เป็นอยู่

แม้กระนั้นความวิตกกังวลพวกนั้นไม่เคยเกิดขึ้นกับ ‘น้องมายต์’ เลยแม้แต่น้อย “หนูถือคติอย่างหนึ่ง เป็นไม่อายทำกิน ถ้าหากพวกเราอายทำกินเรายิ่งไม่มีกินแน่ๆพวกเราจะไปนั่งแบมือขอใคร”
